Privacy Policy

นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับการใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน 

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “นโยบาย” บังคับใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 คำนิยาม

ภายในนโยบายฉบับนี้

  • “เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน” หมายความว่า แอปพลิเคชันชื่อว่า “พร้อมเวิร์ค” และ “พร้อมเสิร์ฟ” หรือ PromptWork” และ “PromptServe” และมีที่อยู่เว็บไซต์ที่ www.promptworkconnect.com
  • “ผู้ควบคุมข้อมูล” หมายความว่า ผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ตามนโยบายฉบับนี้ อันได้แก่ บริษัท แอลฟา สเปซวัน จำกัด ทะเบียนนิติบุคคลเลขที่ 0555565001019 สำนักงานตั้งอยู่ที่ 663  หมู่ที่ 4 .ไชยสถาน อ.เมืองน่าน จ.น่าน ติดต่อ 06-1236-4978
  • “ผู้ประมวลผลข้อมูล” หมายความว่า บุคคลภายนอกซึ่งประมวลข้อมูลเพื่อประโยชน์หรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูล     
  • “ข้อมูล”หมายความว่าสิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริงข้อมูลหรือสิ่งใดๆไม่ว่าการสื่อความหมายนั้นจะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
  • “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาใดๆ ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวของบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
  • “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หรือ “Sensitive data” หมายความว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ พันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ม่านตา หรือลายนิ้วมือ ข้อมูลสหภาพแรงงาน หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งคณะกรรมการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ประกาศให้เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
  • “ผู้ใช้งาน” หมายความว่า ท่าน ผู้เยี่ยมชม ผู้ใช้ ผู้เป็นสมาชิกของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบาย ฉบับนี้
  • “เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” (Data controller) หมายความว่า เจ้าหน้าที่ที่ผู้ควบคุมข้อมูลจัดให้มีเพื่อดำเนินการตาม กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” (Data processor) หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับ การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่ไม่ได้เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อ 2 ความยินยอมของผู้ใช้งาน

ในการเข้าใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ผู้ใช้งานตกลงและให้ความยินยอมเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

() วัตถุประสงค์แห่งการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ใช้งานรับทราบ ตกลง และยินยอมให้ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  1. การประชาสัมพันธ์และการตลาด
  2. จัดหาและปรับปรุงการให้บริการ
  3. เพื่อการติดต่อสื่อสารกับผู้รับบริการ
  4. วิเคราะห์การใช้บริการและข้อมูลผู้ใช้เพื่อเรียนรู้และปรับปรุงบริการ
  5. ปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมเมื่อคุณใช้บริการ
  6. ทำการค้นคว้าโดยใช้ข้อมูลของคุณ ซึ่งอาจต้องได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรแยกต่างหาก
  7. ป้องกันกิจกรรมที่ต้องห้ามหรือผิดกฎหมาย และให้เป็นไปตามข้อกำหนดการใช้งานของเรา
  8. เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่เปิดเผยแก่คุณเมื่อเรารวบรวมข้อมูลของคุณหรือตามความยินยอมของผู้รับบริการ

() ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมและใช้งาน

ผู้ใช้งานรับทราบ ตกลง และยินยอมให้ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น

  1. ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ อายุ เพศ เสียง วิดีโอ รูปถ่าย หรือข้อมูลอื่นใดที่ได้รับการยินยอมจากผู้ใช้งาน หรือข้อมูลที่มีความจำเป็นต่อการให้บริการ
  2. ข้อมูลที่ท่านให้แก่เราเมื่อมีการเปิดบัญชีหรือใช้บริการของเรา เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ อีเมลแอดเดรส
  3. ข้อมูลที่ท่านใช้กับบริการของเรา รวมถึงข้อมูลที่แบ่งปันร่วมกันที่ท่านจัดส่งให้แก่บุคคลอื่นๆ ผ่านทางบริการของเราและข้อมูลที่ท่านเก็บรักษาโดยใช้บริการของเรา
  4. ข้อมูลที่แบ่งปันร่วมกันกับผู้อื่นที่ใช้บริการของเราที่ได้จัดส่งให้แก่เรา เช่น ข้อมูลที่ระบุในกระทู้ที่มีการตั้ง และการติดต่อสื่อสารกับท่านและผู้อื่นที่ใช้บริการของเรา
  5. ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมจากการที่ท่านใช้บริการของเรา เช่นข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งพื้นที่บางแห่ง ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการ และข้อมูลสาธารณะ

() ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล

ผู้ใช้งานรับทราบ ตกลง และยินยอมให้ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้บังคับของหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (รวมถึงเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในหัวข้อ เราจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตราบเท่าที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหัวข้อ “() วัตถุประสงค์แห่งการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

เราจะเก็บข้อมูลของท่านเป็นไปตามระยะเวลาการเก็บรักษาและความจำเป็นในการใช้ข้อมูลของเรา ท่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ข้อกำหนดการเก็บรักษาข้อมูลสำหรับคำนวณเวลาการเก็บรักษาข้อมูลที่ระบุไว้ด้านล่าง

PromptServe มีฝ่ายดูแลและจัดเก็บข้อมูลที่ทำงานร่วมกับฝ่ายดูแลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อที่จะพัฒนาปรับปรุงนโยบายและกฎเกณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวกับการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล เรามีข้อกำหนดการเก็บรักษาข้อมูลเป็นไปตามแต่ละแผนธุรกิจ ประกอบไปด้วย รูปแบบของธุรกิจ รูปแบบการบันทึก และรูปแบบการจัดเก็บ

เราคำนวณระยะเวลาการจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามกฎเกณฑ์ดังต่อไปนี้

  1. ระยะเวลาที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บ
  2. เมื่อท่าน (หรือบุคคลอื่นที่ให้ท่านเข้าถึงบริการของเรา) หยุดการใช้บริการของเรา
  3. ระยะเวลาตามสมควรในการจัดเก็บที่แสดงให้เห็นว่าเราได้ทำตามหน้าที่และข้อตกลงต่างๆ
  4. ภายในระยะเวลาที่จำกัดที่อาจมีข้อเรียกร้องเกิดขึ้น
  5. ภายในระยะเวลาการเก็บรักษาที่สอดคล้องกับกฎหมายหรือได้รับการแนะนำจากผู้ควบคุม ผู้ออกกฎเกณฑ์ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือองค์กรรัฐ
  6. หรือความจำเป็นที่ต้องมีอยู่เพื่อการให้บริการใดๆ แก่ท่าน

ข้อ 3 การเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันกับผู้ให้บริการบุคคลที่สาม

ผู้ใช้งานรับทราบ ตกลง และยินยอมให้ผู้ควบคุมข้อมูลอาจมีการเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันกับผู้ให้บริการบุคคลที่สาม โดยในการเชื่อมโยงหรือแบ่งปันข้อมูลต่อผู้ให้บริการบุคคลที่สามในแต่ละคราว ผู้ควบคุมข้อมูลจะแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบว่าข้อมูลของผู้ใช้งานใดที่ จะถูกเชื่อมโยงหรือแบ่งปันแก่ผู้ให้บริการบุคคลที่สาม ทั้งนี้เมื่อผู้ใช้งานได้แสดง เจตนาโดยชัดแจ้งในการอนุญาตให้มีการเชื่อมโยงหรือแบ่งปัน ดังกล่าวนั้น อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การกดยอมรับ อนุญาต เชื่อมโยง แบ่งปันหรือการกระทำใดๆ อันมีลักษณะโดยชัดแจ้งว่าผู้ใช้งานได้ยินยอม ในการเชื่อมโยงหรือแบ่งปันข้อมูลต่อผู้ให้บริการบุคคลที่สามนั้น

นอกจากที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้หรือตามที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ในกรณีอื่นๆ เราจะไม่โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกไม่ว่าเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ใดๆ ก็ตามเราและบริษัทในเครือของเรา อาจนำข้อมูลของท่านไปแบ่งปันกับบริษัทอื่นๆภายในกลุ่ม รวมถึงพันธมิตรผู้ร่วมทุนและผู้ให้บริการภายนอก และตัวแทน(เช่นผู้ให้บริการด้านการสื่อสารข้อมูลซึ่งจะจัดส่งอีเมลหรือการแจ้งข้อมูลในนามของเรารวมไปถึงผู้ให้บริการในการแปลงข้อมูลซึ่งให้ความช่วยเหลือเราและท่านเกี่ยวกับข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งพื้นที่ ผู้ให้บริการในการวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งให้ความช่วยเหลือในด้านธุรกิจและการโฆษณาเกี่ยวกับบริการของเรา) นอกจากนี้เราอาจอนุญาตให้บุคคลอื่นเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการใช้บริการของเราโดยในแต่ละกรณีเราจะอนุญาตให้มีการใช้ข้อมูลของท่าน และ/หรือเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ใน ข้อ 2 ความยินยอมของผู้ใช้งานทั้งนี้บุคคลภายนอกดังกล่าวอาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านรวมถึงนำไปใช้และเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวภายใต้วัตถุประสงค์ของบุคคลภายนอกนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในนโยบายส่วนบุคคลตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น โดยที่บริษัทฯ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบนโยบายส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกแต่ประการใด

ในกรณีที่เราอนุญาตให้บุคคลอื่นเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในวรรคก่อนเราจะดำเนินการตามสมควรเพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลอื่นเหล่านั้นจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ในเรื่องดังต่อไปนี้เท่านั้น

  1. เป็นไปโดยสอดคล้องกับนโยบายในความเป็นส่วนตัวฉบับนี้และ
  2. อยู่ภายใต้บังคับของคำสั่งอื่นๆที่เราได้กำหนดและแจ้งให้แก่บุคคลข้างต้นได้รับทราบรวมถึงนำมาตรการที่เหมาะสมที่เราใช้ในการรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลไปปฏิบัติด้วย

ท่านให้ความยินยอมแก่บุคคลอื่นตามที่ระบุไว้เพื่อใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านรวมถึงการนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปแบ่งปันหรือโอนให้กับผู้อื่น(รวมทั้งกรณีที่อยู่ในและอยู่นอกเขตอำนาจศาลที่ใช้บังคับกับท่าน) ตามที่ได้ระบุไว้ในหัวข้อ “การแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านร่วมกับผู้อื่น

เนื่องจากเราได้มีการพัฒนาธุรกิจของเราอยู่ตลอดเวลาดังนั้นเราหรือบริษัทในเครือของเราอาจถูกโอนให้กับบุคคลอื่นหรือมีการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มของเราได้โดยในกรณีเช่นว่านี้อาจทำให้มีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านระหว่างภายในกลุ่มของเรา และ/หรือไปยังบุคคลภายนอกซึ่งจะเป็นผู้ให้บริการของเราหรือ ที่คล้ายคลึงกับบริการของเราตามนโยบายในความเป็นส่วนตัวฉบับนี้หรือ นโยบายในความเป็นส่วนตัวอื่นๆ ซึ่งเราจะแจ้งให้ท่านทราบ ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจมีสำนักงานตั้งอยู่หรือนำข้อมูลของท่านไปใช้นอกเขตอำนาจศาลที่ใช้บังคับกับท่าน

ท่านตกลงว่าเราและบริษัทในเครือของเราอาจจำเป็นที่จะต้องคงไว้ เก็บรักษาหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

  1. เพื่อปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  2. เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งศาล หมายศาลหรือกระบวนการในทางกฎหมายอื่นๆ
  3. เพื่อดำเนินการตามคำร้องขอของหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานทีมีอำนาจบังคับใช้กฎหมายหรือหน่วยงานอื่นใดในทำนองเดียวกัน (ไม่ว่าจะตั้งอยู่ในเขตอำนาจศาลที่ใช้บังคับกับท่านหรือที่อื่นก็ตาม) หรือ
  4. ในกรณีที่เราเชื่อว่ามีความจำเป็นอันสมควรที่จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ท่านตกลงว่าเราหรือบริษัทในเครือของเราอาจจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อบังคับใช้เงื่อนไขเกี่ยวกับการให้บริการหรือนโยบายในความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เพื่อความมุ่งหมายในการปกป้องสิทธิของเรา ทรัพย์สินหรือความปลอดภัยหรือสิทธิ ทรัพย์สินหรือความปลอดภัยของบริษัทในเครือของเราหรือผู้ใช้บริการของเรารายอื่นๆ

ข้อพิจารณาเกี่ยวกับข้อมูลที่แบ่งปันร่วมกัน

บริการของเราจะทำให้ข้อมูลที่แบ่งปันร่วมกันได้นำไปเปิดเผยในสาธารณะร่วมกับข้อมูลของผู้ใช้ทุกรายที่ใช้บริการนั้นและมิใช่จำกัดอยู่เพียงแค่ข้อมูลของบุคคลที่อยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อของท่าน การให้บริการโซเชียลมีเดียของเราได้ถูกออกแบบในขั้นพื้นฐานมาเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ท่านในการแบ่งปันข้อมูลที่แบ่งปันร่วมกันกับบุคคลอื่นที่อยู่บนโลกใบนี้ ดังนั้น ข้อมูลที่แบ่งปันร่วมกันดังกล่าวจะสามารถจัดส่งไปได้อย่างกว้างขวางและในทันทีโดยที่ข้อมูลดังกล่าวจะยังเป็นข้อมูลสาธารณะตราบเท่าที่ท่านยังมิได้ลบมันออกไป(และแม้ว่าท่านจะลบข้อมูลที่มีการแบ่งปันร่วมกับผู้อื่นดังกล่าวไปแล้วก็ตามข้อมูลนั้นอาจจะยังคงถูกจัดเก็บเป็นการชั่วคราว ทำสำเนาหรือเก็บรักษาไว้ หรือยังคงเป็นข้อมูลสาธารณะโดยผู้อื่นหรือผู้ใช้รายอื่นซึ่งไม่ได้เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับเราและ เราไม่สามารถควบคุมได้)

กรุณาพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อท่านจะทำการโพสต์ข้อความและติดต่อสื่อสารผ่านทางบริการของเรา

ข้อ 4 การติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของผู้ใช้งาน

ผู้ใช้งานรับทราบ ยินยอม และตกลงให้ผู้ควบคุมข้อมูลอาจใช้ระบบและ/หรือเทคโนโลยีดังต่อไปนี้ในการติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันของผู้ใช้งาน

เราและหุ้นส่วนบุคคลภายนอกของเราอาจเก็บรวบรวมข้อมูลผ่านคุกกี้สำหรับข้อมูลการเข้าใช้บริการ เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของท่านให้ดียิ่งขึ้นและเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ รวมถึง

  1. จดจำผู้ใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น คุกกี้จะช่วยให้เราระบุตัวตนได้ว่าท่านคือผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนไว้บนบริการของเรา หรือเก็บการตั้งค่า หรือข้อมูลที่ท่านเคยให้เราไว้
  2. วิเคราะห์การใช้งานของท่านบนบริการของเรา เราสามารถใช้คุกกี้เพื่อจะเข้าใจว่าผู้ใช้บริการใช้งานอะไรบ้างบนบริการของเรา หรือหน้าไหน ส่วนไหนของบริการที่เป็นที่นิยมที่สุด
  3. นำเสนอโฆษณา โดยใช้คุกกี้ช่วยให้เรานำเสนอโฆษณาที่เราเชื่อว่าท่านจะสนใจโดยมาจากข้อมูลของท่าน (ตามที่ระบุไว้ในหัวข้อเราใช้ข้อมูลของท่านอย่างไร และหัวข้อเกี่ยวกับโฆษณาในนโยบายความเป็นส่วนตัว)
  4. ข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลทางการเงินอื่นๆ ซึ่งจำเป็นในการดำเนินการด้านธุรกรรมทางการเงินเมื่อท่านใช้บริการของเรา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจถูกเก็บรวบรวมและรักษาไว้โดยผู้ประมวลผลบุคคลภายนอก หรือผู้ประมวลผลด้านธุรกรรมทางการเงินของเราเอง ผู้ประมวลผลด้านธุรกรรมทางการเงินเหล่านั้น อาจจัดให้มีคุกกี้ซึ่งทำให้ท่านสามารถทำการจ่ายเงินในครั้งต่อๆ ไปโดยใช้ข้อมูลทางการเงินที่ท่านได้ให้ไว้เรียบร้อยแล้ว

โปรดสังเกตว่าเราใช้คุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น แต่อาจจะมีการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลมาด้วยผ่านเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อให้ผู้โฆษณาและหุ้นส่วนอื่นๆ ของเราวิเคราะห์ได้ว่าท่านและบุคคลอื่นๆ ใช้บริการเราอย่างไรเพื่อนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสม

เราอาจอนุญาตให้ผู้โฆษณาและหุ้นส่วนบุคคลภายนอกอื่นๆ มาวางคุกกี้ และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน ไว้บนบางบริการของเราเพื่อวิเคราะห์ว่าบริการเหล่านี้ถูกใช้อย่างไรและนำไปเสนอโฆษณา โปรดสังเกตว่าการใช้คุกกี้ของบุคคลภายนอกอยู่ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวของพวกเขาเอง เราไม่อาจรับผิดชอบในการใช้คุกกี้ของบุคคลภายนอก

คุกกี้ที่ทางเราใช้เรียกว่า First-party cookies ส่วนคุกกี้ที่ใช้โดยหุ้นส่วนหรือบุคคลภายนอกคือ Third-party cookies โดยเว็บไซต์ของเราจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จัดเก็บโดย Third-party cookies ได้ และบริษัทอื่นๆ จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จัดเก็บผ่านคุกกี้ของเราเช่นกัน

ข้อ 5 การถอนความยินยอมของผู้ใช้งาน

ผู้ใช้งานรับทราบว่าผู้ใช้งานมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมใดๆ ที่ผู้ใช้งานได้ให้ไว้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลตามนโยบายฉบับนี้ได้ ไม่ว่าเวลาใดโดยการดำเนินการ ดังต่อไปนี้

โดยการ แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรที่ support@promptworkconnect.com หรือเลือก ไม่ยินยอม ในเมนูการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวภายใน เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันโดยตรง

โดยผู้ใช้งานยังรับทราบอีกว่าเมื่อผู้ใช้งานได้ดำเนินการถอนความยินยอมแล้ว ผู้ใช้งานจะได้รับผลกระทบ ดังต่อไปนี้

ผู้ใช้งานจะไม่สามารถใช้บริการพิเศษภายในเว็บไซต์/แอปพลิเคชันได้ รวมถึงผู้ใช้งานอาจได้รับบริการที่ไม่ถูกต้องและไม่มีประสิทธิภาพ

โดยที่ผู้ใช้งานยังได้ตกลงยอมรับซึ่งผลแห่งการถอนความยินยอมนั้นทั้งสิ้น

ข้อ 6 บัญชีผู้ใช้

ในการใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ผู้ควบคุมข้อมูลอาจจัดให้มีบัญชีผู้ใช้ของแต่ละผู้ใช้งานเพื่อการใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน โดยที่ผู้ควบคุมข้อมูลมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการอนุมัติเปิดบัญชีผู้ใช้ กำหนดประเภทบัญชีผู้ใช้ กำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลของแต่ละประเภท บัญชีผู้ใช้ สิทธิการใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ค่าใช้จ่ายใดๆ เกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้ หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ใช้งานซึ่งเป็นเจ้าของ บัญชีผู้ใช้นั้นๆ

ทั้งนี้ ผู้ใช้งานตกลงจะเก็บรักษาชื่อบัญชีผู้ใช้ รหัสผ่าน และข้อมูลใดๆ ของตนไว้เป็นความลับอย่างเคร่งครัด และตกลงจะไม่ยินยอมให้ รวมถึงใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้งานบัญชีผู้ใช้ของผู้ใช้งาน

ในกรณีที่มีการใช้บัญชีผู้ใช้ของผู้ใช้งานโดยบุคคลอื่น ผู้ใช้งานตกลงและรับรองว่าการใช้งานโดยบุคคลอื่นดังกล่าวได้กระทำในฐานะตัวแทน ของผู้ใช้งานและมีผลผูกพันเสมือนหนึ่งผู้ใช้งานเป็นผู้กระทำการเองทั้งสิ้น

ข้อ 7 สิทธิของผู้ใช้งาน

ในการเข้าใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันตามนโยบายฉบับนี้และการให้ความยินยอมใดๆ ตามนโยบายฉบับนี้ ผู้ใช้งานได้รับทราบถึงสิทธิของตนในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอย่างดีแล้ว อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสิทธิของผู้ใช้งาน ดังต่อไปนี้

  • ผู้ใช้งานอาจถอนความยินยอมที่ให้ไว้ตามนโยบายฉบับนี้เมื่อใดก็ได้ โดยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผู้ควบคุมข้อมูลตามวิธีและ ช่องทางที่กำหนดในนโยบายฉบับนี้
  • ผู้ใช้งานมีสิทธิการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับตนที่ผู้ควบคุมข้อมูลได้เก็บรวบรวมเอาไว้ตาม นโยบายฉบับนี้
  • ผู้ใช้งานมีสิทธิได้รับการเปิดเผยจากผู้ควบคุมข้อมูลถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับตนซึ่งตนไม่ได้ให้ความ ยินยอม หากว่ามีกรณีเช่นว่า
  • ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับตนไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น รวมถึง การขอรับข้อมูลที่ได้ส่งหรือโอนดังกล่าวโดยตรงจากผู้ควบคุมข้อมูลที่ส่งหรือโอนข้อมูลนั้นด้วย
  • ผู้ใช้งานอาจคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับตนได้ในกรณีดังต่อไปนี้

  1. ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานด้วยความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบ ด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลหรือของบุคคลอื่นซึ่งผู้ใช้งานอาจพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าผู้ควบคุมข้อมูล
  2. ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานเพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ของผู้ควบคุมข้อมูลซึ่งผู้ใช้งานอาจพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าผู้ควบคุมข้อมูล     
  3. ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
  4. ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัย ทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ โดยที่การศึกษาวิจัยนั้นไม่มีความจำเป็นในการดำเนินการเพื่อก่อให้เกิด ประโยชน์สาธารณะ

  • ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้

  1. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย     ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
  2. เมื่อผู้ใช้งานซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และผู้ควบคุมข้อมูลนั้นไม่มีอำนาจอื่นตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้อีกต่อไป
  3. เมื่อผู้ใช้งานได้คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย
  4. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  • ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยยังคงเก็บรักษาเอาไว้ได้อยู่ ในกรณีดังต่อไปนี้

  1. ผู้ควบคุมข้อมูลอยู่ในระหว่างการถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่ง ผู้ใช้งาน ได้ร้องเรียนให้มีการตรวจสอบดังกล่าว
  2. ข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  3. ในกรณีที่ผู้ใช้งานมีความจำเป็นต้องการให้ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอาไว้เพื่อประโยชน์ในสิทธิ เรียกร้องของผู้ใช้งานเอง อันได้แก่ การก่อสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของผู้ใช้งานการปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิ เรียกร้อง ตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  4. ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลเพียงระงับการใช้ข้อมูลแทนการดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถ ระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้
  5. ผู้ควบคุมข้อมูลอยู่ในระหว่างการพิสูจน์หรือตรวจสอบเพื่อปฏิเสธการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเผยแพร่ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งผู้ใช้งานได้คัดค้านโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น

  • เมื่อผู้ใช้งานพบเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานผิด ล้าหลัง ไม่ชัดเชน ผู้ใช้งานมีสิทธิให้ผู้ควบคุมข้อมูลดำเนินการแก้ไขข้อมูล ส่วนบุคคลนั้นให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
  • ผู้ใช้งานอาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เกี่ยวกับการกระทำการฝ่าฝืน หรือการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูล

ข้อ 8 การรักษาความมั่นคงปลอดภัย

ในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ด้วยมาตรการ มาตรฐาน เทคโนโลยีและ/หรือด้วยระบบ ดังต่อไปนี้

กำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูล (Access right) ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ใช้การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) ให้ส่งผ่านข้อมูล และการรักษาความปลอดภัย: Firewalls และ Internet protocol security (IPsec)

ข้อ 9 การแก้ไขปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ควบคุมข้อมูลจะจัดให้มีระบบและมาตรการตรวจสอบ ดังต่อไปนี้

  • ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด               
  • ลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามที่ผู้ใช้งานได้ให้ความยินยอมเอาไว้

ข้อ 10 การเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ใช้งานรับทราบและตกลงว่าผู้ควบคุมข้อมูลอาจเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้งานได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้งาน ก่อนล่วงหน้า ทั้งนี้เท่าที่จำเป็นและตราบเท่าที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และในกรณีดังต่อไปนี้เท่านั้น

  • เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเกี่ยวกับ การศึกษาวิจัย หรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน
  • เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลใด
  • เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญาดังกล่าวนั้น
  • เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลหรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ ที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลนั้น
  • เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลหรือของบุคคลอื่นซึ่งประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญมากกว่า สิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานนั้น           
  • เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูล

ทั้งนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลจะบันทึกการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานตามวรรคก่อนหน้าไว้เป็นสำคัญ

ข้อ 11 การเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data)

ผู้ใช้งานรับทราบและตกลงว่านอกจากการเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งผู้ใช้งานได้ให้ความยินยอมไว้โดยชัดแจ้งให้เก็บ รวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้แล้ว ผู้ควบคุมข้อมูลอาจเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีความอ่อนไหว (Sensitive data) ของผู้ใช้งานได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้งานก่อนล่วงหน้า ทั้งนี้เท่าที่จำเป็นและตราบเท่าที่เป็น ไปตามวัตถุประสงค์และในกรณีดังต่อไปนี้เท่านั้น

  • เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งไม่สามารถให้ความยินยอมได้ ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
  • เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น       
  • เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้ง การปฏิบัติตาม การใช้หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  • เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์อันเกี่ยวกับ

  1. เวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ การประเมินความสามารถในการทำงานของลูกจ้าง การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ การให้บริการด้านสุขภาพหรือด้านสังคม การรักษาทางการแพทย์ การจัดการด้านสุขภาพ หรือระบบและการให้บริการด้าน สังคมสงเคราะห์           
  2. ประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด ที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร หรือการควบคุมมาตรฐานหรือคุณภาพของยา เวชภัณฑ์ หรือเครื่องมือแพทย์ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมและเจาะจงเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้งาน เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลตามหน้าที่หรือตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ
  3. การคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิ ตามกฎหมาย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถหรือการคุ้มครองทางสังคม ซึ่งการเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคลของ ผู้ใช้งานนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นในการปฏิบัติตามสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลหรือผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูล โดยได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
  4. การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ หรือประโยชน์สาธารณะอื่น ทั้งนี้ ด้วยการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพียงเท่าที่จำเป็นและได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของ ผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ประกาศกำหนด
  5. ประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ โดยได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ ของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

ทั้งนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลจะบันทึกการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานตามวรรคก่อนหน้าไว้เป็นสำคัญ

ข้อ 12 การใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบุคคลซึ่งอยู่ในความปกครอง อนุบาล หรือพิทักษ์ของผู้ใช้งาน

ผู้ใช้งานรับรองว่าจะตนไม่ใช่และจะไม่ยินยอมให้บุคคลซึ่งมีลักษณะ ดังต่อไปนี้ เยี่ยมชม ใช้งาน หรือเป็นสมาชิกของเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

  • ผู้เยาว์ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะซึ่งอยู่ในความปกครองของผู้ใช้งาน เว้นแต่ในกรณีที่ผู้เยาว์นั้นมีอายุตั้งแต่ 10 (สิบ) ปีขึ้นไป และได้เยี่ยมชมใช้งาน หรือเป็นสมาชิกของเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นการกระทำที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

  1. การกระทำการที่เป็นเพียงเพื่อจะได้ไปซึ่งสิทธิอันใดอันหนึ่งหรือเป็นการเพื่อให้หลุดพ้นจากหน้าที่อันใดอันหนึ่ง
  2. การกระทำการซึ่งเป็นการต้องทำเองเฉพาะตัว
  3. การกระทำการซึ่งเป็นการสมแก่ฐานานุรูปแห่งตนและเป็นการอันจำเป็นในการดำรงชีพตามสมควร

  • คนไร้ความสามารถซึ่งอยู่ในความอนุบาลของผู้ใช้งาน        
  • คนเสมือนไร้ความสามารถซึ่งอยู่ในความพิทักษ์ของผู้ใช้งาน

ในกรณีที่ผู้ใช้งานยินยอมให้บุคคลลักษณะดังกล่าวข้างต้นเยี่ยมชม ใช้งาน หรือเป็นสมาชิกของเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ผู้ใช้งานตกลงให้ถือว่า ผู้ใช้งานได้ใช้อำนาจปกครอง อนุบาล หรือพิทักษ์ของบุคคลดังกล่าว แล้วแต่กรณี ในการตกลงและให้ความยินยอมตามนโยบายฉบับนี้ทั้งสิ้น เพื่อและในนามของบุคคลดังกล่าวด้วย

ข้อ 13 การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

ผู้ควบคุมข้อมูลอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานไปยังต่างประเทศได้ในกรณีดังต่อไปนี้

  • ประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามที่ กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล                 
  • ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยที่ผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้รับแจ้งและรับทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ ของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลนั้นแล้ว       
  • เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
  • เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญานั้นหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนการเข้าทำสัญญานั้น
  • เป็นการกระทำการตามสัญญาระหว่างผู้ควบคุมข้อมูลกับบุคคลอื่นโดยเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
  • เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหรือบุคคลใดๆ เมื่อเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้          
  • เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

ข้อ 14 การแจ้งเตือนเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลทราบถึงการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะมีการละเมิดโดยบุคคลใด ผู้ควบคุมข้อมูลจะดำเนินการดังต่อไปนี้

  • ในกรณีมีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ ผู้ควบคุมข้อมูลจะแจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ชักช้าเท่าที่จะสามารถกระทำได้ภายใน 72 (เจ็ดสิบสอง) ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุ                 
  • ในกรณีมีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบอย่างสูงต่อสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ ผู้ควบคุมข้อมูลจะแจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและแนวทางการเยียวยาต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและต่อผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลนั้น โดยไม่ชักช้าเท่าที่จะสามารถกระทำได้ภายใน 72 (เจ็ดสิบสอง) ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุ

ข้อ 15 การร้องเรียนและการแจ้งปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ใช้งานอาจร้องเรียนและรายงานปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลแก้ไขปรับปรุงข้อมูลให้เป็น ปัจจุบัน และ/หรือให้ถูกต้อง การคัดค้านการเก็บรวบรวมข้อมูลหรือระงับการใช้ข้อมูล ได้ที่ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้

โทร 06-1236-4978 หรือ support@promptworkconnect.com

ข้อ 16 การบันทึกรายการสำคัญ

เว้นแต่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะกำหนดให้สิทธิผู้ควบคุมข้อมูลไว้เป็นเป็นอย่างอื่น ผู้ควบคุมข้อมูลจะบันทึกรายการสำคัญ เกี่ยวกับการจัดเก็บ การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลเป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการตรวจสอบจากผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลหรือ จากหน่วยงานของรัฐ อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงรายการ ดังต่อไปนี้

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม               
  • วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท        
  • ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูล       
  • ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล        
  • สิทธิและวิธีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับบุคคลที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและเงื่อนไขในการเข้าถึง ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น          
  • การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูล
  • การปฏิเสธคำขอและการคัดค้านต่างๆ           
  • รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อ 17 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย

ผู้ควบคุมข้อมูลอาจแก้ไขและเปลี่ยนแปลงข้อความในนโยบายฉบับนี้ได้ ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม และไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยผู้ควบคุมข้อมูล จะแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละคราวเพื่อให้ผู้ใช้งานได้พิจารณาและดำเนินการยอมรับด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือ วิธีการอื่นใด และหากว่าผู้ใช้งานได้ดำเนินการเพื่อยอมรับนั้นแล้วให้ถือว่านโยบายที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายฉบับนี้ด้วย

อนึ่ง ผู้ใช้งานอาจเข้าถึงนโยบายความเป็นส่วนตัวที่มีการแก้ไขและเปลี่ยนแปลงล่าสุดได้จากแหล่งที่ผู้ควบคุมข้อมูลจัดแสดงไว้จากช่องทาง ดังต่อไปนี้

http:// promptworkconnect.coท/privacy-policy/

ข้อ 18 ความสัมพันธ์ของคู่สัญญา

โดยที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเข้าใจและทราบดีว่า การเข้าทำนโยบายฉบับนี้ไม่ทำให้คู่สัญญาและพนักงานของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายมีความสัมพันธ์ ในฐานะเป็นลูกจ้างตามกฎหมายแรงงานหรือเป็นหุ้นส่วนกันตามกฎหมายหุ้นส่วนและบริษัทแต่อย่างใด

ข้อ 19 การโอนสิทธิ

เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นอย่างชัดแจ้งในนโยบายฉบับนี้ คู่สัญญาตกลงจะไม่โอนสิทธิ หน้าที่ และ/หรือความรับผิดตามนโยบายฉบับนี้ให้แก่ บุคคลใดโดยมิได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเป็นการล่วงหน้าก่อน

ข้อ 20 การสละสิทธิ

การที่ผู้ควบคุมข้อมูลไม่ใช้สิทธิหรือใช้สิทธิล่าช้าในเรื่องหนึ่งเรื่องใดหรือคราวหนึ่งคราวใดก็ดี มิให้ถือว่าผู้ควบคุมข้อมูลสละสิทธิในเรื่องดังกล่าว และการที่ผู้ควบคุมข้อมูลใช้สิทธิแต่เพียงบางส่วนหรือสละสิทธิในเรื่องหนึ่งเรื่องใดหรือคราวหนึ่งคราวใด ก็มิให้ถือว่าเป็นการสละสิทธิในเรื่องอื่น หรือในคราวอื่นด้วย

ข้อ 21 การแยกส่วนของนโยบาย

หากมีข้อความหรือข้อตกลงใดในนโยบายฉบับนี้ที่ตกเป็นโมฆะ ไม่สมบูรณ์ หรือไม่มีผลบังคับใช้ ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม คู่สัญญาตกลง ให้ข้อความและข้อตกลงอื่นๆ ในนโยบายฉบับนี้ยังคงมีผลสมบูรณ์และผูกพันคู่สัญญาอยู่เสมือนหนึ่งว่าไม่มีส่วนที่เป็นโมฆะ ไม่สมบูรณ์ หรือไม่มีผลบังคับใช้นั้นอยู่ในนโยบายฉบับนี้

ข้อ 22 กฎหมายที่ใช้บังคับ

นโยบายฉบับนี้ให้อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายของประเทศไทย

ข้อ 23 การระงับข้อพิพาท

หากมีข้อโต้เถียง ข้อขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากนโยบายฉบับนี้ หากคู่สัญญาไม่สามารถตกลงกันได้คู่สัญญาตกลงจะนำข้อพิพาทดังกล่าวขึ้น ฟ้องต่อศาลในประเทศไทย

ประกาศ ณ วันที่ 1 มกราคม 2567